Apr 22, 2009

Khao Lak - Similan

วันที่ 11 เม.ย.52 ผมอยู่ที่โ รงแ รม Palm Galleria Resort เขาหลัก จ.พังงา (ดูภาพไ ด้สวยงามสะอาด) ความจริงเคยผ่านหลายครั้ง แต่ไม่คยพักจริง ๆ เสีย ทีเพราะ โรงแรมแถบนี้ สนใจคนต่างชาติมากกว่าคนไทย (ไม่ได้ราคา ) นี่ถ้าไม่ใช่ช่วง Low Season คงไม่ได้มาหรอกครับ เพราะไม่คิดจะพักค้างด้วยเหตุผลบางอย่าง(ต้องสวดมนต์ก่อนนอน)

Trip นี้ถูกมากครับที่ผมมา ราคาคนไทย 3วัน 2 คืน ราคา 4,800 บาท ต่อคน (อาหารเช้า 2 วัน อาหารเ ย็น 2 วัน พร้อม 1วัน เที่ยวหมู่เกาัะสิมิลัน รวมอาหารกลางวัน -เครื่องดื่ม-ผลไม้ ค่าเรือ -อุปกรณ์ดำน้ำ) พิเศษสุด ๆ คือ บริการสุดยอดดูแลทุกอย่างกระทั่ง เมาคลื่น...มีถุงทันใจให้ด้วย

โรงแรมที่พักนี้อยู่บริเวณหาดปะการัง เขาหลัก ... หาดทรายสวย อากาศ ดี ไม่มี...สี.... มีแต่.... ฟ้า..ทะเล..สีน้ำเงิน และ เกลียวคลื่นกับสายลม

เช้าวันที่ 12 เม.ย.52 พร้อม 8.15 น เตรียมเดินทางไปหมู่เกาะสิมิลัน ด้วยความโชคดี ฟ้าเปิด และ ไม่มีฝน ตลอดวัน เราหวังกันว่าคงจะได้ดำน้ำดูปะการัง "ผมเองไม่ได้ทำกิจกรรมนี้มานาน1-2 ปีแล้ว" โดยยังเชื่อว่าความงามของที่นี่จะยังเหมือนที่เคยเห็นและได้ยินมา แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นอย่างนั้นหรือไม่
แต่ทะเลงามที่หาดปะการังจุดที่พัก และจะขึ้นเรือไป สิมิลัน ได้บอกความงามบางอย่างไว้ก่อนแล้วของวันแรกที่มาถึง

Clip นี้แนะนำการไป...สิมิลัน


หมู่เกาะสิมิลัน ที่ไปเกาะแรกคือ เกาะ 7 ระหว่างทางที่นั่ง Speed Boat ไ ปนั้น มีโอกาสได้เห็นปลาโลมา 2 ครั้ง บันทึกVDO ไว้ได้ เ ห็นไกล ๆ

Clip นี้เรือกำลัง แล่นออกไป สิมิลัน

ปลาโลมา ..ตัวเป็น ๆ โผล่มาทักทาย






เราได้ดำน้ำดูปะการังที่ เกาะ 7 ไม่ค่อย ประทับใจมากนักเนื่องจาก ยัง ไ ม่ฟื้นตัวจากการถูกคลื่นยักษ์ทำลาย
แต่ปลาสวยดีครับ

ส่วนที่ไปเกาะ 4 เพื่อพักทานอาหารกลางวัน ได้เดินไปหาดเล็ก ทรายขาว สวยมาก ๆ

Clip นี้ พยายามถ่ายภาพ ค้างคาวตอนกลางวันมีจำนวนมากบน เกาะ 4



หลังจากนั้นได้ไปดำน้ำดูปะการังที่เกาะ 9 ซึ่งสวยกว่าเกาะ 7 ค่อยรู้สึกว่าได้ดูดดื่มธรรมชาติจริง ๆ อีกครั้ง เมื่อจบจากที่นี่ได้ต่อไปที่เกาะ 8 สุดยอของความงามที่เป็นสัญลักษณ์ของ "สิมิลัน" คือ The Sail Rock ด้านล่างมักจะเ รียกกันว่า Donald Duck แ ละ หินรูปรองเท้า รูป(ปลา)วาฬ






ดร.ดนัย เทียนพุฒ
กรรมการผู้จัดการ

Apr 21, 2009

ตะลุย ภูเก็ต (1) : Phuket Trip on Songkarn festival

ในช่วงสงกรานต์ ผู้เขียนวางแผนจะไปต่างประเทศ พอดีมีหลาย ๆ อย่างที่ไม่ลงตัวจึงเบนเข็มไปพักที่ 
จ.ภูเก็ต  ประมาณ 1 อาทิตย์  ระหว่างทางที่ไป เห็นการโฆษณาที่น่าสนใจในปั๊มน้ำมันและจุดแวะพักระหว่างทางจึงเก็บรูปมาดู
-แม้กระทั้งหลอดไปเดี๋ยวนี้ก็ต้องทำตลาด Present สินค้ากันแล้วไม่ใช่วางขายเฉย ๆ ในร้าน

สำหรับจุดแวะพักที่เขาโพธิ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์  นั้น เ ป็นวันที่ 10 เ ม.ย.52  คนเยอะทีเดียว ดูได้จากจำนวนรถ  และมีของขายเยอะครับ แต่ผมไม่รู้จะทานอะไร อาจไม่ถูกปากก็ได้ 





ผมลงใต้คราวนี้เป็นครั้งแรกที่ขับรถลงไปภูเก็ต หลังจาก 5 ปี ที่ไม่ได้ลงไปเลยจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จว. ภาคใต้ (แต่มีบินไปประชุมเ กือบทุกเดือน ตามภารกิจที่มีใน จ.ภูเก็ต)

พอเข้าเขต สุราษฏร์ แ ละ พังงา เ จอฝนตลอดทางครับ ทำให้ได้อีกบรรยากาศในการขับรถ






วันแรกที่ไปถึงหลังจากขับลงมาประมาณ 10 ชม. ตอนค่ำ ๆ ได้แวะหาเพื่อน(สมัยเรียนปริญญาเ อก) ที่ในตัวจังหวัดภูเ ก็ต เลยได้โอกาสไปนั่งจิบไวน์ พูดคุยกันที่บ้านคุณสันติ เจ้าของร้านทองทวีสุวัณณ์  (จะได้เมาไม่ขับ)


พอเช้าวันที่ 11 เม.ย.52 มีแผนเดินทางไปเขาหลัก จ.พังงา ตามกำหนดที่จะเที่ยวเ กาะสิมิลัน 
ก่อนเดินทางไปที่พังงาได้แวะทาน หมี่สะปำ ของขึ้นชื่อที่ภูเก็ต และถ่ายรูปที่สะพานสารสิน








พรุ่งนี้จะมาเล่าต่อถึงความงามของสิมิลัน ว่ายังงามอยู่จริงหรือไม่ภายหลังจาก ผ่านคลื่นยักษ์ซึนามิมาแล้ว

ดร.ดนัย เทียนพุฒ
กรรมการผู้จัดการ

Apr 19, 2009

จิตรกรรมฝาผนังพระอุโบสถวัดอัมพวันเจติยาราม

Thai Mural Printing at Amphawa Temple.
จิตรกรรมฝาผนังพระอุโบสถวัดอัมพวันเจติยาราม หรือ วัดอัมพวา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานพระราชดำริให้เขียนขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องพระราชประวัติรัชกาลที่ 2
**

**


วัดอัมพวันเจติยาราม
อยู่ติดกับอุทยาน ร. 2 เป็นวัดของตระกูลราชินิกุลบางช้าง สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 หลังวัดแห่งนี้เคยเป็นนิวาสสถานเก่าของหลวงยกกระบัตร (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) และ คุณนาค (สมเด็จพระอมรินทรามาตย์พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 1) และเป็นสถานที่พระราชสมภพของรัชกาลที่ 2 เชื่อกันว่าบริเวณพระปรางค์ของวัดอัมพวันเจติยาราม เดิมเป็นเรือนที่คุณนาคใช้เป็นที่คลอดคุณฉิมบุตรชาย ซึ่งต่อมาได้เป็น พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย 
วัดอัมพวันเจติยารามได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 รัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 ปัจจุบันวัดอัมพวันเจติยารามเป็นพระอารามหลวงชั้นโท พระอุโบสถตลอดจนถาวรวัตถุในวัดนี้ ส่วนใหญ่เป็นศิลปะและสถาปัตยกรรมในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ซึ่งนับเป็นพระอุโบสถที่มีความงดงาม นอกจากนี้ยังมีพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยประดิษฐาน (ข้อมูลจาก http://www.annaontour.com/province/samoothshongkram/amphawa-tem.php)

ค่ายบางกุ้ง จ.สมุทรสงคราม


วัดบางกุ้งเป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา เคยเป็นที่ตั้งค่ายรบโบราณที่มีความสำคัญ ตามประวัติศาสตร์กล่าวว่าในสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ทรงให้กองทัพเรือมาตั้งค่ายกำแพงล้อมที่วัดบางกุ้งแห่งนี้ เพื่อรบกับทัพข้าศึก เรียกว่า "ค่ายบางกุ้ง" จนภายหลังจากที่กรุงศรีอยุธยาได้แตกลงแล้ว พระเจ้าตากสินทรงโปรดให้ฟื้นค่ายบางกุ้งแห่งนี้อีกครั้งโดยให้ตั้งกองทหารชาวจีนมารักษาค่ายไว้ และใช้เป็นที่รับศึกทัพพม่า โดยทรงยกกองทัพเสริมมาช่วยตีข้าศึกจนแตกพ่ายไปในสงครามครั้งแรกกับพม่า นับแต่สถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี ซึ่งได้สร้างขวัญและกำลังใจให้กับเหล่าทหารไทยได้อย่างมาก 
***


ค่ายบางกุ้ง  ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ตำบลบางกุ้ง เมื่อมาถึงบริเวณค่ายจะมองเห็นแนวกำแพงจำลองสร้างไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์จากการสู้รบ ค่ายแห่งนี้เป็นค่ายทหารเรือไทยที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ หลังจากเหตุการณ์เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2310 สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ได้โปรดให้ยกกองทัพเรือมาตั้งค่ายที่ตำบลบางกุ้ง เรียกว่า ค่ายบางกุ้ง เนื่องจากเมืองแม่กลองเป็นเส้นทางที่กองทัพพม่าใช้ในการเดินทัพ โดยสร้างกำแพงล้อมวัดบางกุ้งให้อยู่กลางค่ายเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นที่เคารพบูชาของทหาร พระเจ้าตากสินมหาราชได้โปรดให้คนจีนจากระยอง ชลบุรี ราชบุรีและกาญจนบุรีรวบรวมผู้คนมาตั้งเป็นกองทหารรักษาค่าย ค่ายนี้จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนี่งว่า "ค่ายจีนบางกุ้ง" พระองค์ทรงให้ชื่อทหารเหล่านี้ว่า “ทหารภักดีอาสา” ในปี พ.ศ. 2311 พระเจ้ากรุงอังวะทรงยกทัพผ่านกาญจนบุรี มาล้อมค่ายจีนบางกุ้ง พระเจ้าตากสินมหาราชและพระมหามนตรี (บุญมา) ร่วมรบขับไล่กองทัพพม่าทำให้ข้าศึกแตกพ่าย นับเป็นค่ายทหารไทยที่สร้างความเกรงขามให้กองทัพพม่า สร้างขวัญกำลังใจให้คนไทยกลับคืนมา และเป็นสงครามครั้งแรกที่ไทยทำกับพม่าหลังจากที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี ค่ายบางกุ้งแห่งนี้ถูกปล่อยให้รกร้างเกือบ 200 ปี

จนมาถึงปี พ.ศ. 2510 กระทรวงศึกษาธิการจึงได้ตั้งเป็นค่ายลูกเสือขึ้น เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระเจ้าตากสินมหาราช และได้สร้างศาลพระเจ้าตากสินไว้เป็นอนุสรณ์ โดยทำพิธียกศาลเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2511 ภายในบริเวณค่ายยังมีโบสถ์ที่สร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ชาวบ้านเรียกว่า “โบสถ์หลวงพ่อดำ” มีลักษณะพิเศษคือ โบสถ์ทั้งหลังปกคลุมด้วยด้วยต้นไม้ถึงสี่ชนิด คือ ต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นไกร ต้นกร่าง ชาวบ้านเรียกว่าโบสถ์ปรกโพธิ์และไม่ไกลนักเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

ที่มา :1. การท่องเ ที่ยวแห่งประเทศไทย
        2.http://www.amphawatoday.com/t02kai_Bangkung.htm


Amphawa Floating Market







ตลาดน้ำอัมพวา (Amphawa Floating Market) เป็นสถานที่่ที่น่าสนใจเพราะอยู่ไม่ไกลจาก กรุงเทพ เพียง 60 กม. เท่านั้นเอง มีบรรยากาศ 2ฝั่งคลองใ ห้เดินซื้ออาหาร-กิน-ทานได้ตลอดเวลา 

หากไปช่วงบ่าย ๆ จะได้บรรยากาศอีกแบบ เห็นการค้่าขายคึกคักโดยเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์
ผมไ ปก่อนสงกรานต์ อาทิตย์หนึ่งสนุกมาก ไม่มีจัดฉาก แบบประเภท "ตลาด 100ปี" ที่นิยมทำกัน
ที่นี่ดีกว่าสนับสนุนให้มากครับ



สำหรับบรรยากาศการกินขนม-กินจริงให้อิ่มมีให้เห็นตลอดเดินผ่านแล้วก็อดไม่ไหวครับต้องกินจริง ๆ เอาเอง
จึงจะรู้ว่าอร่อยจริงหรือไม่