Dec 2, 2011

ตำราพิชัยสงคราม :บทวิเ คราะห์ ฉบับ จ.เพชรบูรณ์ (5) โดย ดร.ดนัย เทียนพุฒ


ที่มาของภาพสู่การวิเคราะห์ ตำราพิชัยสงคราม ฉบับ จ.เพชรบูรณ์
ตามที่ผู้เขียนได้วิเคราะห์เกี่ยวกับตำราพิชัยสงคราม  โดยเฉพาะ ฉบับ จังหวัดเพชรบูรณ์ และยังไม่มีโอกาสได้เห็นของจริง และโดยเฉพาะฉบับคำบรรยายตัวเขียน ซึ่งได้เขียนไว้ในครั้งก่อน
จนกระทั่งอาทิตย์ที่ผ่านมาได้รับ อีเมล์จากคุณสุนทร-เพชรบูรณ์  ได้สนใจในสิ่งที่ผู้เขียนได้ศึกษาและอนุเคราะห์จัดส่งภาพและอีกหลาย ๆ อย่างรวมทั้งความคืบหน้าในการศึกษาเกี่ยวกับตำราพิชัยสงคราม ฉบับ จ.เพชรบูรณ์  ทำให้การศึกษามีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะภาพที่นำมาเสนอนี้

ภาพประวัติศาสตร์หนึ่งหน้ามีคุณค่าร้อยเท่าพันทวี

ผู้เขียนได้มีโอกาสในช่วงวันหยุด 24-25 ม.ค.52 ที่ผ่านมาได้ค้นคว้าข้อมูลและเทียบเคียงตำราพิชัยสงคราม ฉบับร่วมสมัยรัชกาลที่1  และ ตำราพิชัยสงคราม ฉบับชำระในสมัยรัชกาลที่3 สามารถลงความเห็นประกอบการอนุมานไปสู่ข้อสรุปได้ดังนี้
ประการแรก  ด้านภาษาที่เขียน
ตามที่ "ผู้เชี่ยวชาญกรมศิลปากรยืนยันตำราพิชัยสงครามเมืองเพชรบูรณ์เก่าแก่ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 24 อยู่ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 1- 3 ความคืบหน้าการค้นพบตำราพิชัยสงครามเมืองเพชรบูรณ์ ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 10 มกราคม น.ส.ก่องแก้ว วีระประจักษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาโบราณ สำนักหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร พร้อมด้วยน.ส. น.ส.จตุพร ศิริสัมพันธ์ นักภาษาโบราณ หัวหน้ากลุ่มหนังสือตัวเขียนและจารึกและคณะ ให้ความเห็นว่า ตำราพิชัยสงครามที่เพิ่งถูกค้นพบที่เมืองเพชรบูรณ์ฉบับนี้มีความเก่าแก่ โดยอยู่ในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ราวตอนปลายพุทธศตวรรษที่ 24 ระหว่างสมัยรัชกาลที่ 1-3 และจากคำยืนยันของผู้มอบเอกสารว่าเป็นสมบัติของต้นตระกูล จึงควรมั่นใจได้ว่าเป็นเอกสารของคนเพชรบูรณ์ไม่ได้มาจากที่อื่น น.ส.ก่องแก้วยังระบุเพิ่มเติมว่า “พิชัยสงครามสองเล่มนี้น่าจะเป็นตำราของบุคคลที่มีหน้าที่เป็นแม่ทัพ ถูกเขียนขึ้นเพื่อใช้ศึกษาการทำศึกสงคราม” ส่วนผู้คัดลอกจะเป็นฝีมือระดับช่างหลวงหรือไม่นั้นผู้เชี่ยวชาญกรมศิลปากรระบุว่า “ก็มีความเป็นไปที่ทำการคัดลอกและส่งมายังหัวเมือง และการคัดลอกในสมัยโบราณก็มาจากความจดจำและลอกจากตำราอีกเล่มมาใส่อีกเล่ม ซึ่งก็มีความเป็นต้นฉบับในตัวเองอยู่แล้ว และตำราใหญ่หน้ามากๆอย่างนี้ต้องใช้เวลาคัดลอกมาก” 

การอนุมานของผู้เขียน
   ผู้เขียนมีข้ออนุมานว่า ตำราพิชัยสงครามฉบับนี้เขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ในปี 2376-2391  ช่วงการทำสงครามระหว่างไทยกับญวน  ซึ่งมีเจ้าพระยาบดินทรเดชาสมุหนายกเป็นแม่ทัพใหญ่
     1.เป็นที่ทราบกันอยู่ว่า  ในสมัยรัชกาลที่ 3 มีการชำระตำีราพิชัยสงครามขึ้นใน   พ.ศ.2368  ดังข้อความต่อไปนี้

      " ตำราพิชัยสงคราม  ฉบับพระบวระพิไชยสงคราม ตำรับไญย ชำระในรัชกาลที่ 3 โดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพย์  เป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล เ ริ่ม ทำใ นจุลศักราช 1187(พ.ศ.2368)   จนสำเ ร็จไ ด้ คัดส่งเข้าไว้ข้างที่ฉบับหนึ่ง ไว้ ณ หอหลวงฉบับหนึ่ง"
        สมเ ด็จฯ กรมพราะยาดำรงราชานุภาพ บันทึกไว้ว่า.. ปัจจุบันเป็นหนังสืกว่า 10 เล่มสมุดไทย เดี๋ยวนี้ก็ไม่มีแห่งใดที่จะบริบรูณ์ครบจำนวนสักแห่งเดียว  แบ่งได้เป็น 3 แผนก คือว่าด้วยเหตุแห่งการสงคราม ว่าด้วยอุบายสงคราม และว่าด้วยยุทธศาสตร์ และยุทธวิธี  การถือนิมิตต์ฤกษ์ยามและเลขยันต์อาถรรพศาสตร์ก็จะมีมาบ้างแล้วแต่โบราณ...ตำราการรบพุ่งและอุบายสงครามเหลืออยู่แต่ที่เก็บใจความแต่งเป็นกลอน
        (*http://newthaimba.blogspot.com/2008/12/4.html-ผู้เขียน)

        ซึ่งน่าจะเสร็จก่อนที่จะมีการทำสงครามระหว่างไทยกับญวน
        1.1 ตามภาพข้างต้น คำว่า  มาถึง -พญา ตามภาพต้นฉบับ เป็น ภาษาเขียนในรัชกาลที่ 1 แต่เขียนตามภาษาปัจจุบันคือ พญา
      แต่ืที่ข้อความบรรทัดแรก กับใช้คำว่าเจ้าพระยา
      1.2 อย่างไรก็ตามก็สอดคล้องกับที่ผู้เชี่ยวชาญกรมศิลปากรว่าไว้ "ช่วงรัชกาลที่ 1-3
ประการที่ 2 ราชทินนาม และนามทัพหน้า
      ในช่วงการทำสงครามไทยกับญวนช่วงแรก  มีเจ้าพระยานครราชสีมา(ทองอิน) เป็นแม่ทัพ และมีพระยาเพชรบูรณ์ร่วมทัพไปด้วย โดยที่
      2.1 เจ้าพระยานครราชสีมา นั้นเชี่ยวชาญในการทำสงครามมาก ตามที่เจ้าพระยาบดิทรเดชาว่าไว้ ซึ่งทำให้เชื่อได้ว่าจะเชี่ยวชาญตำราพิชัยสงครามด้วย
      และตอนที่มีกบถเจ้่าอนุวงค์ ข้าราชการและพระยา พระ หลวง ของเมืิองนครราชสีมาได้จัดกองทัพสู้กับทหารลาวในช่วงที่ถูกต้อนครัวไทยไปเวียงจันทร์   ตามตำราพิชัยสงคราม
         ดังนั้นอนุมานได้ว่า แม่ทัพนายกองของเมืองนครราชสีมาเชี่ยวชาญตำราพิชัยสงครามอย่างยิ่ง
    และราชทินนามของเจ้าพระยานครราชสีมาคือ 
 เจ้าพระยากำแหงสงครามรามภักดีพิริยะภาหุ (บางตำราก็ว่าเจ้าพระยากำแหงสงครามรามภักดีพิริยะภาหะ)
       2.2 ตอนที่รบกับญวน เจ้าพระยานครราชสีมาเป็นแม่ทัพ พระยาเพชรบูรณ์ในขณะนั้นมีอาวุโสกว่า ประมาณ7-10 ปี ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากเสนาบดีกรุงเก่าน่าจะเป็นทัพหน้่า
      อนุมานได้จาก เจ้าพระยานครราชสีมามีนามว่าทองอิน ดังนั้นตามตำราพิชัยสงครามทัพหน้าจะต้องใช้ "สุนัขนาม" 
      ดังนั้น ข้อความสองบรรทัดนี้ น่าจะเป็น
      "ท่านเจ้าพระยากำแหงสงครามรามภักดีพิริยะภาหะ มาถึงพระยาเพชรรัตน์สงครามรามภักดีพิริยะภาหะ"
       พระยาเพชรรัตน์สงครามรามภักดีพิริยะภาหะ เป็นราชทินนามของพระยาเพชรบูรณ์
       และ หน้าแรกของข้อความที่เขียนก็เป็นรูป "สุนัขนาม" ตามตำราพิชัยสงครามสำหรับทัพหน้า
       อีกทั้งคำว่ามาถึง น่าจะใช้สำหรับบุคคลที่เสมอกัน หรือต่ำกว่า  ทั้งเจ้าพระยานครราชสีมา(ได้เป็นเจ้่าพระยาภายหลังเสร็จศึกเวียงจันทร์)   พระยาเพชรบูรณ์ในขณะนั้น มีศักดินา 10000 เท่ากัน
   หมายเหตุ: มีผู้รู้บางท่าน อ่านบรรทัดแรก ส่วนต้นว่า   ปลัด 
           ผู้เขียนมีข้อสังเกตุว่า 1) ปลัดทัพ ในขณะนั้นไม่ปรากฎชื่อ หรือมีในภายหลังไม่มีชื่อดังกล่าว และ ปลัดทัพ ก็ไม่มีราชทินนาม ที่จะลงท้ายได้ว่า รามภักดีพิริยะภาหะ
           2)ออกญา ได้เลิกการใช้เป็นราชทินนาม ในสมัยรัตนโกสินทร์แล้ว

ดร.ดนัย เทียนพุฒ
กรรมการผู้จัดการ


   

No comments: